บันทึก 365 ตอนที่ 1 - นอนในพิพิธภัณฑ์ ดูบอลลูนที่ตุรกี

จากที่ได้ว่าจะ ว่าจะอยู่นานจนเดินทางไปทั้งหมด 3 ปีกว่า 20 กว่าประเทศ​ จนโควิดมา เที่ยวในประเทศไปหลายเดือน ก็ได้ฤกษ์มา รื้อฟื้น ความจำ เขียนบันทึกสักหน่อย

แต่จะให้เรียงจากต้นมาคงจะยากเพราะ ความจำสั้นมากๆ ที่ทำได้คงต้องเปิดฮาร์ดิสก์ดูเจอที่ไหนก่อนก็เริ่มเลยละกัน

เปิดมาเจอคลิปนี้ เลยเริ่มที่ทริปดูบอลลูนครั้งแรกที่ เมืองคัปปาโดเกีย ตุรกี ก่อนเลย เป็นทริปที่ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นทริปบินกลับจากออสโล

แวะพักสองคืนดูบอลลูนก่อนกลับกรุงเทพลองไปเปิด Google Photo ไล่หาช่วงเดินทาง ปรากฏว่าเป็นช่วง มีนาคม 19 เครื่องบินจาก ออสโลมาถึง Istanbul แล้วเราต้องต่อเครื่องมาลงที่ Kayseri ซึ่งจะเป็นข่วงใกล้ๆเที่ยวคืน เราเลยต้องพักค้างกันที่ Radisson Blue ที่อยู่ใกล้สนามบินก่อน

วันรุ่งขึ้นค่อยเช่ารถขับไปคัปปาโดเกีย โดยขับไปทางโล่งมาก ใช้้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า เรามาถึง คัปปาโดเกียก็เป็นช่วงสายๆ เราแวะไปเที่ยวที่ Goreme Open-Air Musuem อากาศช่วงนี้เย็นสบาย

หลังจากเยี่ยมพิพิธภัณฑ์​เรียบร้อย เราก็ขับรถต่อไปแวะที่ Pegion Valley

มุ่งไปที่โรงแรม The Musuem Hotel เป็นที่ที่เราประทับใจมากๆ ห้องพักกว้างขวางมีความเป็นส่วนตัว และมีมุมสวยๆ เยอะมาก ที่สำคัญที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย เหมือนได้นอนในพิพิธภัณฑ์จริงๆ a night in a museum :)

มุม Lobby

บริเวณรอบๆที่พัก

ห้องพัก ราคา 1-4 หมื่นบาท ($300-$1,200)

เริ่มตั้งแต่ประเภท Deluxe double จนถึง Imperial Suites ซึ่งจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนของรูปแบบของห้องจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งของห้อง จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำ แต่จะไม่อึดอัด

มุมห้องที่เราอยู่จะต้องเดินจาก Lobby มาพอควร จะเป็นห้องที่มีบริเวณสวนเล็กๆ หน้าห้อง มีมุมห้องนั่งเล่น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นห้องประเภท Superia Suites.

บรรยากาศช่วงค่ำ และห้องอาหาร

ช่วงค่ำๆ อาหารดีมากๆ และที่สำคัญอาหารค่ำที่นี่ประทับใจจริงๆ ราคาไม่แพงมาก แทบอร่อยทุกอย่าง

เนื้อแกะนุ่ม ไม่มีกลิ่นเลย เนื้อก็ดี ที่เราสั่งเบิ้ลก็คือ มันฝรั่งทอด (จำชื่อไม่ได้) แต่อร่อยมากๆๆ

ไฮไลท์ของที่นี่ คือดูบอลลูนตอนเช้า (ลุ้นแทบแย่ เขาว่าถ้าลมแรงมากจะไม่มีบอลลูน)

เราตื่นมาช่วยใกล้ๆตี 5 ออกมารอหามุมถ่ายรูป ตอนที่ออกมาปรากฏว่าเงียบมาก ไม่มีคนเลย ไม่มีอะไรเลย

เราได้คุยกับคนที่นี่เมื่อวาน เขาบอกว่าช่วงนี้ลมค่อนข้างแรง บอลลูนไม่ค่อยได้ขึ้น เราก็ลุ้นเลยว่าวันนี้จะได้เห็นไหมเนี่ย ถ้าไม่ได้เห็นกว่าจะได้มาอีกคงปีหน้าเลย (ช่วงนั้นยังไม่รู้ว่าจะมีโควิดด้วย)

พอเริ่มมีแสงพระอาทิตย์ เราก็เริ่มเห็นแสงรำไร ลองซูมไปดูใกล้ๆเริ่มมีความหวังเพราะแสงนั้นก็คือแสงจากบอลลูน เราก็รีบเลยยย ตั้งกล้องทันที ไม่เสียเที่ยวจริงๆ บอลลูนขึ้นมาเต็มเลย ถึงจะไม่ได้อยู่ตรงบริเวณที่ขึ้นบอลลูน ก็ประทับใจมากๆแล้ว